Harukakun?

 


คายาโนะ มิโคโตะ ชายหนุ่มที่อยู่ตัวคนเดียวภายในห้องที่เช่ามาในยามปกติเขาต้องมีรูมเมทอยู่ด้วยแต่ตอนนี้ไม่มีใครมาอยู่เป็นเพื่อนร่วมห้องในเวลานี้ และเขายังเป็นหนุ่มฮอตประจำมหาลัยด้วยเพราะรูปร่างสูงและนิสัยติดเล่น ใจดี อ่อนโยน อบอุ่น อันเป็นเอกลัษณ์เช่นนั้นมีใครบ้างหรือที่ไม่ตกหลุมรักสิ่งเหล่านั้น  จนวันหนึ่งเขาได้รับประกาศจากเจ้าของหอพักว่าจะมีรูมเมทย้ายเข้ามาอยู่ด้วย คายาโนะ รู้สึกตื้นเต้นไม่น้อยเลยที่จะได้มีคนมาอยูด้วยการอยู่ในห้องพักคนเดียวมันเหงาเกินไปสำหรับคนที่ติดการพูดคุยแบบเขา ในวันที่มีเสียงเคาะดังจากหน้าประตู ชายหนุ่มผมสองสีเดินก้าวเท้าไปคว้าลูกบิดและเปิดรับออกมาอย่างช้าๆภาพตรงหน้าหลังบานประตูคือร่างของเด็กหนุ่มที่ดูเรียบร้อยและเปราะบางยืนอยู่พร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่แค่อย่างเดียวและเขามากลับพ่อแม่ สีหน้าของเด็กชายดูลนลานและเขินอายริมฝีปากของเขาเม้นกันแน่นไม่สบตาแม้ชายหนุ่มจะอยู่ตรงหน้าเหมือนกำลังคิดบางสิ่งอยู่ที่ไม่สามารถเอ่ยออกมาได้   "สวัสดีค่ะ" เสียงของหญิงวัยกลางคนเอ่ยทักทาย คายาโนะ "สวัสดีครับ นี่คงคือรูมเมทของผมใช่มั้ย?" เขาถามพร้อมรอยยิ้มที่อ่อนโยนเด็กชายเหลือบมองเขาอย่างไม่ไว้ใจและหวาดกลัว "ใช่ครับ เด็กคนนี้ชื่อ ซากุไร ฮารุกะ เขาค่อนข้างขี้กลัวและก็ป่วยน่ะครับ"ชายหนุ่มมองเด็กชายพลางรับฟังคำแนะนำตัวของคุณพ่อของเด็กชายที่ชื่อ ซากุไร ฮารุกะ "ป่วยหรอ? เขาป่วยเป็นอะไรหรอครับ?" เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง "ทางจิตน่ะไม่ได้ก่อปัญหามากเท่าไหร่ ยังไงก็รบบกวนด้วยนะครับ พอดีบ้านของพวกเราอยู๋ไกลจากมหาลัยที่เขาติดผมเลยต้องให้เขามาอยู่หอพักแบบนี้" ชายวัยกลางคนพูดอย่างเกรงอกเกรงใจที่ไม่มีทางเลือกให้แก่ลูกชายของตนเอง "ถ้าทำให้ลำบากไปก็ขอโทษนะคะ" เธอผู้เป็นกล่าวขอโทษไว้ก่อน คายาโนะ รับรู้สึกถึงความลำบากใจของผู้ใหญ่2คนกับเด็กที่พึ่งเข้ามหาลัยที่ป่วยอยู่ความใจดีนี้ก็อดไม่ได้ที่จะตอบรับไปอย่างจริงใจ "ไม่ต้องห่วงครับเดี๋ยวผมดูแลเขาเอง" ชายหนุ่มตอบตกลงพร้อมมองฮารุกะที่ทำสีหน้ารู้สึกกลัวมือกำที่ลากกระเป๋าแน่น เขาคงเป็นเด็กขี้กลัวจริงๆ เมื่อทำความรู้จักและส่งลูกชายอยู่หอสำเร็จผู้เป็นพ่อและแม่ก็ได้ทำการจากลาไปที่หน้าประตู คายาโนะแนะนำตัวเองให้กับฮารุกะ 

"ผมชื่อ คายาโนะ มิโคโตะ ผมอยู่ปี4เรียนแผนกการออกแบบและแฟชั่น ห้องของผมอาจจะรกไปบ้างเพราะต้องชุดอ่ะนะ"เขาพูดด้วยเสียงอ่อนโยนเพื่อให้เด็กน้อยหายเกร็ง แต่ฮารุกะกลับไม่แม้แต่สบตาของเขาเลยด้วยวซ้ำไป คายาโนะพยามไม่ถือสาเพราะยังไงพวกเขาก็พึ่งเจอกันครั้งแรก ไม่มีใครสนิทกันได้ตั้งแต่ที่เจอกันอยู่แล้ว 


"ฮารุกะเรียนอยู่คณะไหนหรอ?" 


ชายหนุ่มถามพร้อมรอยยิ้มแต่ก็ไร้เสียงใดๆตอบกลับมา 


"คงกลัวสินะ แต่ว่าฮารุกะมีแค่กระเป๋าใบเดียวหรอ?"


"อ่า...ไม่ต้องตอบก็ได้  มาสิ ห้องของผมอยู่ข้างๆห้องเธอนะถ้ามีอะไรก็เรียกได้นะ"


เขาอธิบายอย่างรวดเร็วและฮารุกะเพียงพยักหน้าตอบแค่นั้น เหมือนว่าเขาเป็นใบ้ยังไงยังงั้นคายาโนะไม่คิดมากและกลับไปทำงานของตัวเองและพยามเข้าใจฮารุกะให้มากขึ้นเพราะว่าเขาป่วยเป็นโรคทางจิตเวชและพ่อแม่ของเขาก็ไม่ได้บอกไว้ว่าป่วยเป็นโรคอะไรกันแน่  เหมือนกำลังจงใจปิดบังไว้ไม่ให้เขารู้แต่จะมาคิดตอนนี้ก็คงเสียเวลาไปเปล่าๆใช่มั้ย?



9 สิงหาคม


"นี่ข้าวเช้านะ" คายาโนะวางข้าวผัดธรรมดาที่ไม่ได้ดูดีบางจุดมีรอยไหม้ด้วยแต่ถึงแบบนั้นฮารุกะก็กินไปไม่บ่นสักคำเขาไม่เคยบ่นเขาไม่เคยว่าอาหารที่คายาโนะทำเลยสักครั้ง มีแต่กินเงียบๆ "ฮารุกะ ที่มหาลัยเป็นยังไงบ้างหรอ?" คายาโนะถามเพื่อหวังสานสัมพันธ์ที่ดี "มัน...ดีครับ" เขาตอบเสียงแผ่วอย่างไม่มั่นใจดวงตามองแค่อาหารตรงหน้าอย่างใจลอย ในทุกๆวันฮารุกะจะกินข้าวเช้าที่มิโคโตะทำให้มันน่าประหลาดที่แม้แต่การทานข้าวเด็กชายคนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องหาจากที่ไหน หรือ ต้องทำอะไร มันเป็นพฤติกรรมที่คายาโนะจับสังเกตุได้ ฮารุกะมักสวมเสื้อแค่ยาวคลุมที่แขนดวงตามีรอยคล้ำเหมือนไม่ได้นอนมีผิวที่ขาวจนซีดและสิ่งสุดท้ายที่เขารู้คือฮารุกะมักปิดประตูห้องตัวเองเสมอ  บทสนทนาไม่มีอะไรต่อเพราะฮารุกะลุกขึ้นออกจากห้องเพราะต้องไปเรียน ทิ้งไว้เพียงสิ่งที่น่าสงสัย


12  สิงหาคม


"ฮารุกะ?" เขาทักเด็กชายที่กำลังจ้องไปที่มีดทำครัวที่ถูกวางไว้ในเวลานี้มันดึกมากและในห้องก็ปิดไฟสนิทอยู่และมีร่างของฮารุกะกำลังนั่งบนเก้าอี้และจ้องไปที่ครัวและมองมีดที่ถูกเก็บไว้อย่างดีเหมือนโดนสะกดจิต "ครับ?" เด็กชายตอบพร้อมมองมาทางชายหนุ่มการกระพริบตาราวกับมนุษย์คือการพิสูจน์ว่านี่ไม่ใช่หุ่นหรือรูปปั้นใดๆ "ทำไมถึง?" ฮารุกะมองคุณอย่างตกใจเมื่อคุณมีท่าทีสงสัย "ผม...แค่ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรเลย...นั่งเฉยๆ"เสียงแผ่วเบาตอบกลับ คายาโนะขมวดคิ้วของตัวเองเด็กน้อยมีท่าทีเหมือนว่าจะร้องไห้พยามจิกมือตัวเองไปมาไม่หยุดและมองไปที่มืออย่างรู้สึกผิด "ผมแค่ถามน่ะ ถ้ากลับมาแล้วก็เปิดไฟได้เลย ผมไม่ว่าหรอกยังไงฮารุกะ ก็เป็นรูมเมทของผมนี่" เขาพูดพร้อมรอยยิ้มอย่างที่เคยทำ


15 สิงหาคม


ความรู้สึกอึดอัดมันวนข้างในอกตั้งแต่ที่ฮารุกะเข้ามาในชีวิตเหมือนทั้งชีวิตของเขาทำสิ่งใดไม่เป็นทั้งบางครั้งก็เอาแต่เรียกหาเขาเหมือนเด็กน้อยอาจจะเพราะเขารู้สึกว่าคายาโนะคือพี่ชายก็ได้ ฮารุกะมองคุณพร้อมดวงตาที่สดใสกว่าทุกครั้งมองคุณพร้อมรอยยิ้มเล็กๆที่มีความหวัง เหมือนว่าสิ่งๆที่เกิดขึ้นนี้เป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นชีวิตของเขาเอง "วันนี้...ดีมั้ยครับ?" เสียงเล็กๆถามคุณด้วยความเป็นห่วงเมื่อคุณกลับมาดึกเพราะกลับจากการนัดบอร์ดมา นี่เวลา4ทุ่มแต่ก็มีกระต่ายสีขาวสวยตัวหนึ่งรอคุณเสมอทั้งเสียงและรอยยิ้มนี้มันดูเปราะบางจนเพียงแค่แตะเล็กน้อยก็พังทลายได้แล้วไป    



25 สิงหาคม


นี่เป็นอีกวันที่คายาโนะกลับห้องดึกเพราะไปดื่มกับเพื่อนๆที่มหาลัยอย่างเมามันจนลืมนึกถึงเด็กน้อยที่รออยู่และเฝ้ารอคุณให้กลับมาหา  เสียงที่เอ่ยเรียกชื่อดั่งเสียงจากสวรรค์ที่กล่อมให้คล้อยอยู่ในความสุข รอยยิ้มกว้างสวยที่มอบกับเขาทุกๆวัน งดงามและบริสุทธิ์เกินจนมิสามารถหาสิ่งใดเทียบเคียงกับเด็กหนุ่มที่งดงามราวกับนางฟ้าเชกเช่นนี้  และมิควรคู่กับยาพิษร้ายเช่นกัน       เมื่อนั่งลงบนโซฟาใหญ่เขายกเท้าขึ้นวางบนโต๊ะอย่างผ่อนคลายและหยิบสิ่งเสพติดที่ล่อลวงและหอมหวานยิ่งกว่าสิ่งใดในเวลายามเครียดขรึมริมฝีปากสัมผัสและกัดคาบมันไว้มือข้างขาวจุดไฟขึ้นอย่างรู้งาน เมื่อสูดความหวานหอมนี้เข้าไปเหมือนคล้ายอยู่ในความฝัน กฤทธิ์เหล้าที่ปนเปผนวนกับบุหรี่นี้ก็คงไม่ต่างกับยาพิษดีๆ


"คุณมิโคโตะ  คุณกลับมาแล้วหรอ?"  เสียงหวานๆเหมือนเสียงเพลงเอ่ยเรียกคำขานแก่ท่านผู้นั้นที่กำลังเมามายกับพิษสงที่ตนสรรค์สร้าง ดวงตาเฉียวคมเหลือบมองร่างบางในชุดนอนสีขาวเมื่อต้องกับแสงไฟมันช่างบางเฉียบ ผิวกายขาวดุจหิมะ ดวงตามรกตท่อแประกาย ปากสีฉาดเมื่อรวมกันจนกลายเป็นใบหน้าจิ้มลิ่มที่อ่อนหวานมันยากเหลือเกินที่ไม่ให้เข้าไปแตะต้องสัมผัส  เสียงขำเบาๆมาจากบุรุษที่ลุกขึ้นและกำจัดบุหรี่ที่ตนสูบและค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปหานางฟ้าที่เผลอตื่นจากนิทราเพราะเพียงมาตามหาปีศาจในคราบเทวดาตนหนึ่ง 


"นายน่ะ สวยจังนะ?" 


มือหนาคว้าข้อแขนสีขาวสวย 


"ดีจังนะที่มีนายรออยู่" 


เท้าเริ่มก้าวถอยหลัง


"จะทำอะไรน่ะ?"

เมื่อร่างถูกผลักล้มบนเตียงที่ไร้ทางหนีใดๆนางฟ้าแสดงความหวาดกลัวต่อปีศาจที่ค่อยๆราดพิษร้ายลงบนปีกที่สวยงามที่ถูกสร้างมาจากความรักและความไว้ใจที่เกิดขึ้น ปากขวดค่อยๆกดกัดจุ่มลงมันต้นคอขาวจนเกิดรอยช้ำเปรอะไปด้วยคราบโคลนปากสีฉาจถูกกรอกเข้าไปอย่างหมดจด ความกลัว ความหดหู่เริ่มครอบคลุมความรู้สึก กระต่ายขาวถูกหมาป่ากัดและเขี้ยวจนเป็นเศษเนื้อได้ง่ายดาย  เมื่อสอดและใส่นเข้าไปในกุหลาบขาวย้อมแปรเปลี่ยนเป็นแดงฉานและร่วงโรยไป  น้ำตาค่อยๆไหลลงมาอาบแก้มสีขาวดวงตาสีมรกต ณ ตอนนี้แสดงความหวาดกลัวออกมา ในอกถูกเฉียบแทงครั้งแล้วครั้งเล่า แม้จะร้องขอแม้จะอ้อนวอนแต่เสียงนั้นไม่ได้ส่งไปถึงปีศาจเลย 




3 กันยายน


เสียงร้องไห้ดังออกมาไม่หยุดแม้จะบอกให้เงียบกี่ครั้งก็ตาม "นายทำอะไรลงไป?!!!!" คายาโนะตวาดใส่ไปเมื่อฮารุกะนำเลือดปาดป้ายไปทั่วห้องเพราะไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไรถึงเลือดจะหยุดลง เมื่อเขากลับมาที่ห้องแล้วพบเด็กชายนั่งลงบนพื้นพร้อมเลือดที่ไหลออกมาไม่หยุดและแขนขาวของเขามีรอยมากมายที่เป็นบาดแผลครั้งเก่า "นี่นายเห็นฉันว่างมาหรอ? ที่เอาแต่สร้างปัญหาให้?!!  กรีดข้อมือ? กรีดแล้วได้อะไร? นี่เสียสติไปแล้วหรอ?!!" ทั้งวันมานี้คายาโนะพบเจอเรื่องที่ทำให้เขาหงุดหงิดมาทั้งวันพอมาเจอเรื่องที่ฮารุกะก่ออีกเพราะการกระทำบ้าๆปัญญาอ่อนแค่นี้  ฮารุกะมองเขาอย่างตกตะลึงและร้องไห้ออกมาพร้อมจับแขนที่เจ็บและแสบของตัวเอง  คายาโนะคุกเข่าลงข้างๆและจับข้อแขนที่เคยขาวสะอาดที่ตอนนี้กลายเป็นสีแดงเพราะบาดแผลจากการทำร้ายตัวเอง "อยากตายมากหรอ?" เขากัดฟันพูดพร้อมบีบจับข้อแขนอย่างแรงบาดแผลที่ไม่สมานกันและเลือดที่ยังไม่หยุดไหลเสียทีมันทวีคูณความเจ็บแก่ฮารุกะจนเขาร้องขอออกมา "อย่า..ขอร้องล่ะ" เสียงที่สะอึดสะอื้นเพราะน้ำตา เลือดค่อยๆหยดลงมาอย่างช้าๆ




12 กันยายน


"แกกล้าดียังไง?"


"ผม...ผมขอโทษ"


"แกกล้าดียังไง?!!!" 


คายาโนะกระชากคอเสื้อของฮารุกะขึ้นมาใบหน้าของเขาปรากฎสีหน้าหวาดกลัวข้างแก้มเปรอะน้ำตา เสียงตวาดคำด่าทอมากมายถูกพ่นใส่เขา ฮารุกะได้ทำลายงานที่คายาโนะต้องเอาขึ้นเวทีในศุกร์นี้แต่เขากลับทำมันพังทั้งห้องของเขามันเละเทะแทบจะทุกอย่าง ความโกรธโมโหมราเกิดขึ้นมันยากเกิดคำบรรยายสำหรับคายาโนะ 


"สิ่งที่กูตั้งใจทำมาตลอดกลับต้องมาพังเพราะไอ่เด็กเปรตที่วันๆไม่ทำอะไรสร้างแต่ปัญหาข้าวก็ไม่มีปัญหาหาแดกเองงานบ้านก็ไม่เคยทำอะไรได้มหาลัยก็ไม่เคยไปในๆเอาแต่อยู่ในห้อง ทำไมไม่สำนึกบ้างเลยว่าตัวเองสร้างปัญหามากขนาดนี้?    บอกว่าป่วยทางจิต? มึงไม่รู้จักคำว่ารักษาหรอ? ก็ไปรักษาสิ มันจะยากอะไร หรือมึงโง่ที่จะคิดได้?  บอกกูมาสิ ห๊ะ!!!!"

ฮารุกะฟังคำพูดเล่านั้นและร้องไห้ออกมาทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอย่างก่อนเลยสักนิดเดียว



26 กันยายน


"ฉันบอกนายแล้วใช่มั้ย? ว่าฉันต้องไป!!" ชายหนุ่มลากกระเป๋าเดินทางออกไปจากห้องนอนเพื่อไปยังประตูออกจากห้องพัก ฮารุกะขอร้องคายาโนะอยู่ต่อกับเขาที่กำลังโดดเดี่ยวและเศร้าซึม "แต่..ผมต้องการคุณนะ....แค่นิดเดียว.." เด็กน้อยยังวอนขอพร้อมเสียงที่สั่นคลอแม้รู้ทั้งรู้ว่าทำเช่นไรชายหนุ่มก็คงจะไม่อยู่ต่อ  ฮารุกะคว้าแขนของคายาโนะไว้เพื่อรั้งตัวของชายหนุ่มสีหน้าแสดงความโหยหาอย่างทรมานเหมือนว่าเขาคือสิ่งเดียวในชีวิตที่สามารถทำให้เขาหายใจอยู่ต่อไปได้ "อย่ามาจับ!!" ชายหนุ่มที่มีกำลังมากสะบัดแขนจนร่างของเด็กหนุ่มล้มลงกับพื้นเด็กน้อยยังคงมอง และร้องขอมือเล็กๆคว้าขาของคายาโนะไว้ "ไม่นะ! อย่าจากผมไป ขอร้องล่ะ!!" ดวงตามรกตเริ่มมีน้ำสีใสเอ่อขึ้นมาเสียงร้องเริ่มดังขึ้นหวังให้เห็นใจแม้สภาพตอนนี้มันช่างน่าสมเพชมากแค่ไหนก็ตาม 


"ทำไมมึงชอบทำให้กูโมโหหนักวะ?!! กูกำลังจะไปนัดสายเพราะมึง!! ถ้ามีสมองคิดสักนิดมึงจะรู้ว่าสิ่งที่กำลังทำมันสำคัญกับชีวิตกูแค่ไหน!!"


สิ่งที่เป็นความหวังของเขาเองการได้ร่วมงานกับดีไซน์เนอร์ชื่อดังและได้บินไปปรารีสเพื่อศึกษาการออกแบบและเนื้อผืนผ้าที่น่าน่สนใจ นี่คือสิ่งที่คายาโนะ มิโคโตะ ใฝ่หามาแสนนาน แต่ตอนนี้เขากำลังจะตกเครื่องเพราะมีเด็กที่เอาแต่เรียกความสนใจฉุดรั้งเขาอยู่ให้ทิ้งความฝันเพื่อจะปลอบเด็กคนหนึ่งที่ตั้งแต่เข้ามาก็ทำเรื่องให้เขาปวดหัวรำคาญเต็มไปหมด  ปลายเท้าเตะไปยังใบหน้าของคนที่ล้มอยู่บนพื้นจนร่างบางล้มลงนอนมือกุมรอยช้ำที่เกิดขึ้น ฝ่าเท้ากระทืบลงอย่างรุนแรง เขากระทืบมันอีกครั้ง และอีกครั้ง อีกครั้ง อีกครั้ง อีกครั้ง อีกครั้ง จนร่างที่อยู่ล่างฝ่าเท้านิ่งไป ดวงตามรกตยังคงมองค้างทุกการกระทำ คายาโนะมองร่างที่ไร้การเคลื่อนไหวของฮารุกะเมื่อไม่มีการตอบกลับหรือเสียงใดๆนอกจากดวงตาที่เอ่อไปด้วยน้ำตามองร่างที่ค่อยหายไปเมื่อปานประตูปิดลง




5 ตุลาคม


เวลาผ่านไปวัน10หลังจากที่คายาโนะได้เดินทางไปและเมื่อกลับมาสถาพห้องที่เคยอยู่ช่างต่างราวกับฟ้ากับเหวห้งอที่เคยมีแสนไฟและอบอุ่นตอนนี้มันหนาวเย็นและอับเหมือนไม่มีใครอยู่มานานทุกอย่างมืดสนิทมีเพียงกลิ่นคาวจางๆของเลือดลอยมากแตะจมูกของชายหนุ่มเขากดเปิดสวิทต์ไฟ ของในห้องยังคงอยู่มีบางจุดที่ฝุ่นจับและมีบางจุดที่เปื้นเลือดจางๆเหมือนว่าตั้งใจลบออกแต่ก็ไม่หายเสียที  เมื่อพอลองฟังจะได้ยินกับเสียงของใครบางคนกำลังคุยโทรศัพท์และมีแต่เพียงคำด่ามากมายที่ลอดออกมาจากห้องนั้น มันแสดงได้ว่าฮารุกะยังมีชีวิตอยู่


20 ตุลาคม 

แม้จะถูกทำร้ายแม้จะถูกด่าทอแต่ข้าวและอาหารและที่อยู่ยังคงถูกมอบให้อย่างไม่ใยดี  ของกินดีๆที่ไม่เคยได้กินกลับถูกป้อนให้ ร่างกายที่เคยสะอาดตอนนี้มันเปรอะเลอะด้วยโคลนตมมันเกาะติดยิ่งเวลาป่านไปมันยิ่งทวีคูณ ดวงตาที่เคยสดใสผันเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่า ปากที่เคยเป็นสีฉาดสวยจางเป็นสีซีดแค่นั้นแขน มือและคอ มีรอยมากมายนับไม่ถ้วน ใบหน้าทรุดโทรม บรรยากาศรอบกายดูเงียบซึมไร้รอยยิ้มไม่มีสิ่งใดที่เหมือนเก่าอีกแล้ว ทุกอย่างมันไร้ทางออกทุกคนต่างบอกเสมอว่าทุกปัญหาล้วนมีทางออก อย่าตายนะ พวกคิดสั้นคนอ่อนแอ  ชีวิตเรามันมีค่านะ   หากชีวิตมันมีคุณค่าเช่นนั้นแล้วทำไมเขาถึงยังจมอยู่กับความเจ็บปวดที่ไม่มีวันจางหายไป?  ทำไมถึงไม่มีใครต้องการเขาล่ะ? ไม่ว่าที่ไหนก็มีแต่คนผลักไส แม้แต่ผู้ให้กำเนิดทำไมกัน?หรือเขาไม่ควรเกิดขึ้นมา ทำไมกัน? ทำไมล่ะ?  

คัตเตอร์สีเงินสะท้อนใบหน้าของฮารุกะที่ไม่ต่างกับขยะที่ไม่มีค่า ขนาดพยามร้องขอความเห็นใจจากชายผู้นั้นแต่กลับไร้สิ้นเสียงใดๆ ทั้งเตะตีทำร้ายมากมายพิษร้ายครอบคลุมทั่วกายและใจมันไร้สิ่งที่เรียกความหวังมีเพียงแค่ความว่างเปล่าอยากหายไปจากโลกนี้ไวๆพอทำขึ้นมาใครๆก็มองว่าเขานั้นมันอ่อนแอ  มือขาวค่อยๆคว้าคัตเตอร์และเลื่อนใบมีดขึ้นบรรจงลงบนแขนอีกข้างรอยแผลเป็นที่เกิดขึ้นมากมาย




10 พฤศจิกายน

ยังคงอยู่จุดเดิมไม่เคยไปไหนฮารุกะยังคงอยู่แค่ในห้องเขาไม่ได้ไปหาหมอหรือออกมาไปมหาลัยนอกจากห้องของเขา คายาโนะนั่งทำงานบนโต๊ะดั่งเช่นทุกวัน "เสร็จแล้ว" เขาพูดและบิดขี้เกียจหลังจากทำงานมาเป็นเวลานานสายตากวาดมองผลงานที่น่าภูมิใจไปสักครู่แล้วจึงค่อยเก็บงานไปอย่างเรียบร้อยชายหนุ่มมองบานประตูสีขาวที่เชื่อมไปถึงห้องของฮารุกะ ณ ตอนนี้มันปิดสนิทและไร้เสียงใดๆออก มาเด็กชายที่คุณใช้เป็นสนามอารมณ์โทสะทั้งหมด มันน่าสงสารทั้งการป่วยทางจิตทั้งสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมจากการทำร้ายของเขา ที่ฮารุกะมาอยู่ที่นี่เพราะครอบครัวของเขาเหมือนจงใจโยนภาระให้เขาดูแลฮารุกะแทนตอนนี้เวลาที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกันมาร่วมมากกว่า2เดือนไปเสียแล้ว ยิ่งทบทวนยิ่งเจ็บช้ำยิ่งนึกถึงก็พบเห็นสิ่งที่โหดเหี้ยมมากมาย    


เขาควรทำอะไร?   เป็นคำถามที่ตั้งขึ้นมาในหัวหลังจากที่ไม่เคยคิดถึงสิ่งนี้มานานแสนนาน ควรทำอะไรกันหรือ? ควรแสร้งทำเป็นคนดีต่อ? หรือแสดงความจริงข้างในใจที่มีแค่โคลนตม?   ตัวเขาลุกขึ้นจากเก้าอี้เท้าค่อยๆก้าวมุ่งไปยังบานประตูสีขาวที่จ้องมองเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ตรงหน้าอีกฟากของประตูขาวบานนี้ฮารุกะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า?  เขานึกและยกหลังมือขึ้นและค่อยๆเคาะประตูขาวสามครั้ง ไม่นานประตูขาวก็ค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ ภาพแรกที่คายาโนะเห็นมันช่างน่ากลัวและน่ารังเกียจ กลิ่นภายในห้องฟุ้งออกมาความคาวของเลือดที่ตีจมูกขึ้นมา  มือขางซีดเปรอะไปด้วยเลือดที่เกิดจากการกรีดแขนเหมือนที่มันเกิดขึ้นทุกครั้งฮารุกะหน้าซีดกว่าปกติเพราะอาการเสียเลือดมาก "มีอะไรหรอครับ?" น้ำเสียงสั่นๆตอบออกมาดวงตาสีมรกตไม่กล้าแม้แต่สบตาเขาเพียงมองพื้นและปลายเท้าเพียงเท่านั้นอาการของฮารุกะมันทรุดโทรมจนน่ากลัวเขาอาจจะตายได้ถ้าหากปล่อยไว้แบบนี้แต่ความตายไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการหรอ?  การจากลาไปโดยไม่มีใครรับรู้  การหายไปและจมอยู่ในทะเลดำที่หนาวเย็นเพียงผู้เดียว  ร้องไห้และอำลาเพียงแค่ตัวเองในห้องเล็กๆและเปล่าเปลี่ยวอย่างหดหู่  


"ออกไปเที่ยวกันมั้ย?"


คายาโนะกล่าวชวนฮารุกะ




นิ้วมือสอดประสานกันอย่างไม่เคยเป็นคายาโนะจูงฮารุกะไปเที่ยวในสถานที่มีแต่ความสดใสของกินนาๆรวมถึงแฟชั่นมากมายเป็นสถานที่เด็กมหาลัยส่วนมากมาที่นี่กันเพราะราคาสิ่งของจับต้องได้ และมีของกินน่ากินเยอะมีคนมากมายเดินผ่านไปมา ฮารุกะกวาดตามองรอบข้างอย่างตื่นเต้นเหมือนว่านี่คือสถานที่ที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน  คายาโนะซื้อสายไหมให้กับฮารุกะ ปากสีซีดค่อยๆแตะเล็มสายไหมขนฟูเข้าปากเล็กน้อยจนเมื่อเข้าปากมันก็ละลายหายกลายเป็นความหวานในปากราวกับเด็กน้อยที่พึ่งเคยกิน ใบหน้าของเขาแสดงความประหลาดใจออกมา และเขาก็เริ่มกินมากขึ้นจนสายไหมแท่งนั้นหมดไป ทุกการกระทำที่เกิดขึ้นคายาโนะเฝ้ามองมันอยู่ความจริงที่น่ากลัวได้ถือกำเนิดขึ้นเสียแล้ว การที่เด็กคนหนึ่งมีท่าทีแบบนี้มันหมายความว่าสิ่งใดกันหรือ? การที่เด็กวัยถึงขนาดนี้ไม่เคยได้แต่สิ่งที่เรียกว่าสายไหมเลยไม่เคยได้สัมผัสความรู้สึกมีเพื่อนเที่ยวหรือการที่ได้ออกมาเผชิญโลกภายนอกเช่นนี้  มันน่าหดหู่เกินกว่าจะรับไหวเลยด้วยซ้ำไป   "นายชอบสายไหมหรอ?" คายาโนะถามเขาที่แสดงใบหน้าอยากจะกินอีกแต่ว่าไม่กล้าพูดออกมาอย่าน่าเอ็นดู "ครับ" เสียงแผ่วตอบกลับมาด้วยความกลัว  


นี่คือสิ่งที่เขาทำหลายไปหรือ?


การเดินเที่ยวเล่นอย่างสนุกสนานได้เกิดขึ้นในชีวิตของเด็กหนุ่มซากุไร ฮารุกะ ครังแรกในชีวิต การที่ได้ใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไปนั้นคือสิ่งที่เขาต้องดารเข้าใจมาตลอดการได้รับรู้ถึงการมีเพื่อนข้างกายแบบนี้ "นายไม่อยากได้อะไรบ้างหรอ?" คายาโนะหันมองฮารุกะที่มองรอบด้านอย่างเกร็งๆเพราะไม่รู้ว่าต้องทำอะไรกันและเด็กน้อยก็ส่ายหน้าเบาๆและตอบคำถาม "ไม่ครับ" ไม่อยากได้หรือไม่กล้าอยากได้ คายาโนะมองฮารุกะและไม่รีรอที่จะเอ่ยชวนให้เขามาซื้อของอย่างพวกเสื้อผ้าใหม่ๆที่เหมาะกับเขา "น่าๆมาสิ เดี๋ยวผมเลือกให้" ฮารุกะยิ่งส่ายหน้า "ผ..ผมไม่ค่อยมีเงินเท่าไหร่..." เขาตอบเสียงแผ่วกว่าครั้งไหนๆ "ไม่เป็นไรน่าเดี๋ยวผมออกให้" คายาโนะพูดพร้อมรอยยิ้ม "ไม่ได้...พ่อแม่...ผม...ไม่ชอบ" เขาตอบด้วยความไม่มั่นใจแต่ถึงยังงั้นคายาโนะก็อยากจะมอบหรือให้บางสิ่งแก่ฮารุกะเพื่อเป็นการขอโทษเรื่องเก่าๆ เวลาการเที่ยวเล่นมากมายผ่านไปอย่างรวดเร็วจนถึงเวลามืดค่ำในเย็นวันนี้มีฝนตกลงมาเลยทำให้อากาศค่อยข้างเย็นและน่าเดินเล่นพวกเขา2คนเดินเคียงกันไปจนมาถึงสนามเด็กเล่นแห่งหนึ่งพื้นเปียกน้ำฝนแต่พวกเขาก็ไม่ย่อท้อในการเดินเล่น ฮารุกะนั่งลงบนชิ้งช้าสีขาวราวกับเด็กน้อยเขาโยกมันไปมาพร้อมรอยยิ้มนัยตาว่างเปล่า และเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างมันท่วมท้นในอกของเขามากเกินจะรับไว้จนรอยยิ้มเริ่มเลือนหายไป ความอัดอั้นทั้งหมดค่อยๆเปิดเผยออกมาให้เห็น



"ผม...แทบไม่เข้าใจอะไรเลย" เขาไม่พอใจเลยทำไมถึงคนอื่นเข้าใจได้อย่างง่ายดายต่างจากเขาต่อให้พยามเท่าไหร่หรือมากเท่าไหร่มันก็ไม่เหมือนคนอื่นเลย  ยิ่งเดินก็เหมือนยิ่งไกลจากจุดที่อยากคว้าไว้ มือขาวซีดกอดของที่คุณซื้อให้ไว้พร้อมเม้มปากสั่นอย่างอดกลั้นแม้จะทำไมไม่ได้ก็ตาม ดวงตาสีมรกตสั่นไหวราวกับจะมีน้ำตาออกมา  มือเรียวยาวยื่นออกมาแต่ก็ต้องชะงักกลับไปเสียก่อนและเก็บกลับไปยังที่มันอยู่ ดวงตาสีกรมท่ามองฮารุกะที่แสดงความทรมานอย่างท้วมท้น  "ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน"สรรพานามเปลี่ยนไปเมื่อคายาโนะต้องการสื่อสารด้วยความจริงใจทั้งหมดที่มีจากสุดลึกในดวงใจ เขาไม่ได้ยกมือลูบผมเส้นสีน้ำทะเลนั้นแต่เพียงพูดปลอบใจเล็กๆ "บางทีความปกติของแต่ละคนมันอาจจะคนล่ะความหมายก็ได้นะ" การพูดอะไรที่เห็นตรงกันมันคงเหมือนเป็นการหาพวกและทำให้คนฟังรู้สึกสบายใจได้ขึ้นเยอะ เด็กน้อยเอียงคอสงสัยและไม่เข้า คายาโนะขำออกมาเล็กน้อย "ความปกติมันไม่มีอยู่หรอก นายเป็นตัวของตัวเองนั้นแหละดีแล้ว" ราวกับน้ำได้รดลงบนดอกไม้ที่เหี่ยวแห้งความรู้สึกเศร้าเสียใจค่อยๆจางลงไปช้าๆ คายาโนะมองแอ่งน้ำที่อยู่ข้างหน้าปลายเท้าของตัวเองข้างหน้าของเขามันเป็นถนนแล้วถนนที่เปียกแฉะอากาศที่เย็นช่ำในห้วงเวลาที่มีเพียงแค่2คน มีเพียงแค่ คายาโนะ  มิโคโตะ  กับ  ซากุไร  ฮารุกะ  เรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดมันต้องถึงคราสิ้นสุดลงเสียบ้าง เขาหลับตาและนึกถึงสิ่งมากมายที่เกิดในหัวและหายใจลึกๆก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังและจริงใจที่สุดเท่าที่จะทำได้


"ฉันขอโทษกับสิ่งที่ฉันทำลงไป  ฉันไม่น่าคิดแบบนั้นกับนายเลย นาย...ไม่โกรธฉันใช่มั้ย?"  เขาหันหลังและคุกเข่าลงต่อหน้าฮารุกะเพื่อบอกว่าเขาอยากจะขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆมันทำให้เขารู้สึกผิดมากเหมือนดวงใจของเขามันถูกกดทับด้วยบางสิ่งมันอัดแน่นจากความรู้สึกผิด "ผมไม่เคยโกรธคุณเลย...ผมไม่กล้า" ฮารุกะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนๆและหลับตาลงเขาพูดออกมาอย่างใจเย็นที่ไม่เคยเป็น "แต่...คุณจะไม่ทิ้งผมไปใช่มั้ย?" ฮารุกะพูดและค่อยๆลืมตาถามเขาอย่างเรียบนิ่งสงบเหมือนไม่ได้สนใจคำขอโทษที่เอ่ยออกมาจากปากของคายาโนะเลยแม้แต่น้อยมันเบาบางเกินไปก็ว่าได้  คำพูดใครๆก็พูดได้ทั้งนั้นอยากจะขอโทษ อยากจะให้อภัย  มันเชื่อได้จริงหรือ? "คุณจะไม่ทิ้งผมไป...เมื่อผมต้องการใช่มั้ย?" คำถาอีกครั้งที่ตอกเขาไปในใจของชายผู้ที่จ้องมองและหวังได้รับการให้อภัยจากนางฟ้าที่งดงามตรงหน้าของตน คำขอร้องอ้อนวอนให้เธอเห็นจแก่ตน เหมือนเชกเช่นตอนนั้นที่เธอเคยเอ่นเรียกท่าน  ในคืนนั้นที่คืนที่นางฟ้าตัสน้อยทรมานกับความทุกข์ทรมานจากพิษร้ายเธอไม่หวังสิ่งใดๆนอกจากท่านที่จะจากลาเธอไป เธอขอร้องให้ท่านหักลับมาละทิ้งสหายและหันมาหาเธอเสียงคร่ำครวญหัถต์ขาวซีดรั้งดึงท่านไว้พร้อมเสียงขับขานที่หดหู่ ท่านทรงโกรธเกรี้ยวที่ถูกขัดขวางความสำราญที่จะเกิดขึ้น ท่านได้ราดน้ำกรดมากมายลงข้างในกลางดอกไม้ขาวจนเปื้อนสีดำท่านเหยีบย้ำบดขยี้ด้วย2บาท จนกลีบร่วงโรยเหลือเพียงน้ำตาที่ไหลรินมองท่านที่จากลาไป   ยังจำได้หรือไม่?   ในวันนั้นหลังจากการกลับมาเขาก็ไม่คิดจะถามอะไรกับฮารุกะเลยนิดเดียว


"ผมขอร้อง...คุณ...ในวันนั้น" ฮารุกะพูดติดขัดเพราะมีบางสิ่งที่อัดอั้นในคออยู่ "ถ้าคุณไม่ทิ้งผม...ไว้คนเดียว" ฮารุกะมองมาที่เขาอย่างทรมาน ไม่มีใครช่วยเขาได้เลยนอกจากตัวเขาเอง  ท่านเหยียบย่ำดอกไม้งามขาวบริสุทธิ์ ในวันนั้นและในวันนี้ ดวงตาคู่นี้บนใบหน้านี้กำลังแสดงสีหน้าเดียวกันอยู่      สิ่งที่เขาพบเจอมันมากมายเกินจะรับได้ไหว ในตอนแรกความคิดของคายาโนะเขาอยากจะช่วยเหลือฮารุกะที่ดูน่าสงสารแต่พอมาพบกับความจริงเขากลับไม่สามารถทำในสิ่งที่เคยพูดไว้ได้เลย มันน่าหงุดหงิดมันน่ารังเกียจ ปัญหามากมายที่เขาไม่สามารถจัดการได้  อารมณ์ที่อัดอั้นมาตลอดเริ่มทนไม่ไหวจนเขาเผลอผลังลงมือไป  แต่เด็กน้อยคนนั้นยังจำได้ดีในวันที่คายาโนะบอกว่าจะดูแลเขา ถึงแม้เขาจะรับรู้ว่าทุกคำพูดที่เอ่ยออกมามันจะเป็นแค่เพียงคำโกหกแต่ในใจลึกๆของฮารุกะเขาก็ยังเชื่อใจเขาอยู่ คำพูดพวกนั้นมันเสียดแทงเข้ามาข้างในใจจนแทบพูดไม่ออก  


"คุณจำได้มั้ย?  ในวันที่ผมทำลายห้องของคุณ...คุณไม่ได้ถามด้วยซ้ำว่าผมทำไปทำไม?"

"คุณจำได้มั้ย? ครั้งหนึ่งที่คุณ ทำแบบนี้กับผม...มันเจ็บปวดมาก"

"แม้ผมจะรู้ว่าคุณคือต้นเหตุทั้งหมด...แต่ว่า...ผมก็ยังหวังให้คุณช่วย"


ฮารุกะร้องไห้ออกมาเหมือนดวงตาของเขาไม่สามารถหยุดการไหลของน้ำสีใสนี้ได้  เสียงอู้อี้ดที่เอ่ยออกมาให้ได้ฟัง เหมือนเฝ้ารอการระบายมาแสนนานไม่มีใครอยากจะฟังคำพูดของเขาเลยด้วยซ็ำไป

"ในตอนที่ผม...ทะเลาะกับพ่อแม่....ทุกๆอย่าง...มันมืดไปหมด....ไม่ว่าต้องทำยังไง"

"แต่ผม..ต้องการคุณ...ถึงรู้แก่ใจ...ว่ายังไงคุณก็ไม่มีทาง..."

"แม้ว่าคุณจะด่า.....ผมล้มลง....และกอดขาคุณไว้....เพราะอยากให้....คุณอยู่กับผม"

"แค่นั้นเอง" เสียงสะอึกสะอื้นที่ตอกย้ำความรู้สึกข้างในใจที่ทรมานมาแสนนานจากทุกสิ่ง   ในวันที่ใครสักคนและเป็นสิ่งเดียวในชีวิตที่ทำให้เขาสามารถอยู่ต่อไปได้แม้จะรู้เหตุผลที่ทำให้ตัวเองโดนทำร้ายแต่ยังไงคายาโนะก็คือคนที่ช่วยเขาไว้อยู่ดี  เขากอดรั้งเขาขอร้องและร้องไห้ในตอนที่ร่างกายถูกฝ่าเท้าอันหนักอึ้งทุบลงมากลางท้องมันเจ็บปวดมากในท้องน้อยมันจุกอัดนั้นทรมานเสียงเริ่มไม่สามารถเปล่งออกมาได้อย่างเคยและทำได้แค่เพียงปล่อยให้ดวงตามองและเฝ้ารับความทุกข์ทรมานพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเมื่อคายาโนะเห็นทีว่าเขาไร้การเคลื่อนไหวต่อให้จะตายหรืออยู่ในตอนนั้นคายาโนะก็คงจะทิ้งเขาให้กลายเป็นซากศพขยะภายในห้องที่มืดมิดแบบไม่เลี่ยวแล การตายในห้องที่ไม่มีแม้แต่แสงไม่มีแม้แต่ความอบอุ่นมันน่าหดหู่เกินทนได้ไหว    เมื่อดวงตามองร่างที่ปิดประตูลงราวกับแสงสว่างแห่งชีวิตดับสลายในคืนนั้นร่างของฮารุกะได้แต่เฝ้ามองร่างกายยากที่จะขยับตามสั่งเพราะความเจ็บยังคงตรึงไว้ไม่รู้ว่าสลบหรือหลับไปสู่นิทราเมื่อไหร่แต่รู้แค่เพียงเมื่อตื่นมาไม่พบใครทั้งนั้นนอกจากตัวเอง  


ถึงตายไปก็คงไม่มีใครเสียใจใช่มั้ย?



"ฉันขอโทษ ฮารุกะ ฉันขอโทษ!!!!" คายาโนะแหกปากตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่งราวกับสมองของเขามันอัดแน่นจากความรู้สึกผิดดวงตากรมท่าเบิกกว้างอย่างกลับไม่เชื่อว่าที่ผ่านมาว่าตัวเองลงมือทำสิ่งชั่วร้ายไว้มากมาย เด็กน้อยที่บริสุทธ์ต้องแปะเปื้อนเพราะเขาเอง เด็กชายที่ถ้าหากได้รับการรักษาก็คงจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ถ้าเขาในตอนนั้นมีสติไม่ปล่อยในอารมณ์และตัณหาหรือสิ่งใดเข้าครอบคลุม หรือเข้าใจฮารุกะเพียงสักนิด  เขาก็คงไม่ต้องมารับกรรมแบบนี้  ในทุกวันที่โดนด่าทอในทุกวันที่โดนทำร้าย ในทุกวันที่ต้องโดนรังเกียจทำไมถึงคิดไม่ได้? ทำไมถึงคิดไม่ได้เลยล่ะ?!!!  "ฉัน...ขอโทษ!!!!! ฉั..ฉัน" ตอนนี้สติทั้งหมดเริ่มยากการควบคุมคายาโนะเริ่มกล่าวขอโทษไม่หยุด พร้อมจ้องไปที่ร่างของฮารุกะที่มองเขาด้วยสีหน้าว่างเปล่ามันเฉยชา  มันเยือกเย็น  เหมือนมีดที่บาดและปักเข้าไปในจิตใจ  คนที่เอาแต่ร้องไห้ไม่ใช่ฮารุกะแต่เป็นเขาเองคายาโนะ  มิโคโตะ ที่เอาแต่ร้องไห้และพูดแต่คำว่าขอโทษเหมือนคนบ้าไร้สติ  สิ่งที่เขาลงมือมันแย่มากมันโหดเหี้ยมเกินกว่าจะได้รับการให้อภัยทั้ง การข่มขื่น  การทำร้ายร่างกาย  การทำร้ายจิตใจ ทำให้ฮารุกะเกือบตาย และแน่นอนถ้าหาตำรวจรับรู้อนาคตที่เขาใฝ่หาทั้งหมดมันจะจบลงทันที ความฝันที่ปูไว้จะพังทลายไม่เป็นชิ้นและจะถูกตราหน้าจนไร้ที่หนทางไปไม่ต่างจากฮารุกะในตอนนี้แค่คิดเช่นนั้นก็กลายเป็นความกลัวนในจิตใจของคายาโนะเสียแล้ว

ฮารุกะค่อยๆลุกขึ้นจากชิ้งช้าสีขาวและมุ่งเดินมาหาคายาโนะอย่างช้าๆท่าทางที่เดินราวกับนางฟ้าที่มีแต่ความโอบอ้อมอารี ฮารุกะนั่งย่องๆลงตรงหน้าของคายาโนะและสัมผัสกับมือของอีกฝ่ายหลับตาและพูดพร้อมรอยยิ้มจางๆอย่างอ่อนโยนและอบอุ่น "ไม่เป็นไรหรอกครับ"  น้ำเสียงไม่เหมือนเมื่อครู่ที่ร้องไห้ฟูมฟายจนฟังไม่รู้เรื่องตอนนี้มันหนักแน่นและดูอ่อนหวานเขาค่อยๆพยุงคายาโนะให้ยืนขึ้นเหมือนกับตนเองสำเร็จรอยยิ้มบนใบหน้าบังคงประดับไว้จางๆมันดูสง่างามราวกับนางฟ้า  ฮารุกะรับรู้ถึงความรู้สึกผิดของเขาแล้ว ฮารุกะจะให้อภัยเขาอย่างแน่นอน เพราะว่าทั้งหมดที่ผ่านมาเขาก็เป็นหนึ่งในคนที่คอยดูแลฮารุกะมาตลอด เขาต้องเป็นคนใจดีเพราะเขาไม่กล้าโกรธเลยด้วยซ้ำไป  คายาโนะเริ่มเห็นความหวังในใบหน้าของฮารุกะที่ยิ่มอ่อนๆ เหมือนแสงที่เริ่มสว่างมาจากปลายเทียน คายาโนะแสดงสีหน้าขอร้องแก่ฮารุกะที่มองดูและยิ้มกว้างอย่างใจเย็น การกระทำของฮารุกะมันเย็นจนยากที่จะเข้าใจสายลมพัดผ่านยิ่งทำให้ความหนาวเหน็บสัมผัสไปทุกหนแห่ง รวมถึงข้างในใจของคายาโนะที่เฝ้ารอคำตอบ


"ถ้าเป็นเมื่อก่อน...ผมคงพูดแบบนั้น"



ฮารุกะผลักร่างของคายาโนะลงไปบนถนนอย่างเยือกเย็นในขณะเดียวกันก็มีรถสิบล้อวิ่งชนเข้ามาพอดีในห้วงเวลานั้นราวกับพระแม่กลายเป็นปีศาจดวงตาที่สวยงามจ้องมายังร่างของเขาที่ค่อยๆถูกบดขยี้อย่างช้าๆเสียงเขาเปล่งเรียกช่างคล้ายคลึงในวันนั้นที่นางฟ้าตนนี้เอ่ยเรียกท่านจำได้หรือไม่?  วันที่ท่านค่อยๆปล่อยในร่างกายของนางฟ้าตนนี้แตกสลาย ในวันที่ท่านเป็นคนมอบยาพิษให้แก่เขา ยังจำได้หรือไม่?   ดวงตาประสานกันมันแสดงถึงความน่ากลัวในจิตใจ ความเคียดแค้นความอดกลั้นความทุกทนที่ต้องจำยอมมาเป็นเวลานานกว่า2เดือนทุกการกระทำที่เกิดขึ้นที่มาตั้งแต่ก่อนหรือหลังไม่มีใครรู้ แต่วินาทีชีวิตของคายาโนะ   มิโคโตะกำลังจะจบลง เหมือนทุกอย่างเป็นไปอย่างช้าๆ ร่างกายเริ่มรับรู้ความเจ็บจากกระดูกซี่โครงที่ค่อยๆแตกออกย่างช้าๆรวมถึงกะโหลกที่คลอมคลุมสมองไว้ข้างในแขนขาเริ่มไม่สามารถรู้สึกนอกจากความเจ็บปวด  รถใหญ่วิ่งขับผ่านไปอย่างรวดเร็วทิ้งร่างของคายาโนะไว้ที่ไม่ต่างจากขยะน่าขยะแขยงแต่เขายังคงหายใจอยู่ เขายังคงเห็นร่างของฮารุกะที่มองมาอย่างเฉยชา  เสียงสุดท้ายที่เอ่ยออกไป  "ช่วย..ด้วย" ดวงตาสีมรกตสวยงามราวกับอัญมณีที่ไร้แววสะท้อนมองอย่างสมเพช  ในคืนที่เขาเอ่ยเรียกท่านกลับไม่ได้หันหลังมองเขาด้วยซ้ำ ในตอนที่เขาใกล้จะหมดลมหายใจท่านก็ไม่คิดจะช่วยเขาเช่นกัน ฮารุกะค่อยๆเดินจากร่างของคายาโนะไปโดยไม่คิดจะหันหลังมอง  ไม่มีคำว่าสงสารหรือคำว่มรู้สึกผิดเลยด้วยวซ้ำเหมือนที่เขาเคยทำไว้เหลือไว้เพียงความว่างเปล่าและสิ่งที่ตราตรึงไว้เป็นบาดแผลในจิใจของเขาตลอดการ 





ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

NC ล้วนๆ | 0310 / 1003 MILGRAM

1 MIKKOTOKO | พังหมดแล้ว

Haikyiuu | OiIwa/IwaOi |เนื่องฉลองปีใหม่2022